เปิดข้อเท็จจริง นี่เป็นเรื่องของ “ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย หนึ่งในนักมวยแม่เหล็กที่สมัย
เปิดข้อเท็จจริง คนที่เป็นเจ้าของหมัดซ้ายทรงอำนาจอันขึ้นชื่อลือนามไปทั่วราชอาณาจักร เคยกดคู่ต่อยหลับในอากาศมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วก็กำลังจะเปิดศึกสายเลือดกับ “ซ้ายฟ้าผ่า” เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” ในศึกวันศุกร์ที่ 28 เดือนพฤษภาคม64
กุหลาบดำเป็นลูกชาวไร่ชาวนา บิดาชื่อจำเริญ แม่ชื่อนางเหียด มีสิทธิ์ดี ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เขามีชื่อเล่นว่า “เขียว” เป็นลูกคนโตในบรรดาลูกพี่ลูกน้อง 5 คน บิดามารดาตั้งชื่อจริงให้ว่า นายสมบูรณ์ น้องชายคลานตามกันมาชื่อ นายอุดมศักดิ์ (รายนี้เป็นนักมวยชื่อ ไทย สจ.เปี๊ยกอุทัย) แล้วก็ 3 คนข้างหลังเป็นหญิงล้วน
ภาพจำของเขาตั้งแต่วัยเด็กเป็นการเห็นบิดามารดาทำไร่ทำนา เลี้ยงวัว เป็นอาชีพซื่อสัตย์ที่หล่อเลี้ยงชีวิตเขาแล้วก็น้อง ๆ กระทั่งเติบโต หากแม้เป็นอาชีพที่จำต้องรอคอยพึ่งฟ้าพึ่งฝน บางปีผลิตผลบางทีอาจน้อยเกินไปประทังชีวิต แต่ว่า กุหลาบดำก็ไม่คิดที่จะแปรไปทำอาชีพอื่น
เขาสู้เก็บหอมรอมริบจากการชกมวย มีเงินเป็นหลักล้าน แล้วกลับไปสืบต่ออาชีพทำการเกษตรจากที่ครอบครัวถนัด กุหลาบดำชอบใจมวยมาตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มรู้จักมวยไทยในงานวัดแถวบ้าน เพียงพอมองเห็นเด็กในหมู่บ้านชกมวยบนเวที ก็กลับมาร่ำไรขอบิดาชกมวยบ้างแต่ว่าบิดาไม่ยินยอม
เนื่องจากว่ากลัวลูกเจ็บ แม้กระนั้นด้วยความรั้นในที่สุดบิดาก็ใจอ่อน ยอมไปฝึกหัดที่ค่ายฝึกซ้อมมวยเล็ก ๆ มีเด็กอยู่ 2-3 คน รวมทั้งกระสอบ 2-3 ใบแขวนกับต้นไม้ ไม่มีแม้กระทั้งสนามมวย มวยไทย
หากแม้สถานที่ไม่อำนวยแม้กระนั้น กุหลาบดำในวัย 8 ขวบก็ได้ขึ้นสังเวียนทีแรกสมใจอยากภายหลังฝึกซ้อมได้เดือนเดียว บิดามองเห็นแววคงจะรุ่งก็เลยทำค่ายฝึกมวยเล็ก ๆ ให้ในชื่อ “ส.กัลยาณี” แล้วก็ด้วยมีชื่อเล่นว่า “เขียว” ก็เลยขึ้นชื่อชกมวยในยุคแรก ๆ ว่า “เขียวมรกต ส.กัลยาณี”
เดินสายสั่งสมกระดูกมวยที่เมืองแพทย์แคนแดนอีสานจนถึงมีรายได้จากการชกมวยมากขึ้นแต่ว่าภายหลังไปสู่ตอนวัยรุ่น กำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ จิตใจก็สนใจกับชีวิตวัยชายหนุ่มจนถึงทำให้เขาเริ่มไขว้เขว ห่างเวทีไปนาน ก่อนที่จะกลับมาชกมวยอีกรอบก็ราวอายุ 15-16 ปี
เปิดข้อเท็จจริง กุหลาบดำตกลงใจเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ตามคำชวนของเพื่อนฝูงบิดาที่เป็นผู้ฝึกสอนอยู่ในค่ายของสมัยก่อนวีรบุรุษโอลิมปิกอย่าง “สมรักษ์ คำสิงห์”
เปิดข้อเท็จจริง กุหลาบดำได้มาเรียนมวยกับ สมรักษ์ จนถึงหาญกล้าขึ้น ทว่าเด็กวัยรุ่นที่เกิดรวมทั้งเติบโตในท้องไร่ท้องนา พอเพียงเข้ามาอยู่จังหวัดกรุงเทพ ก็อัดอัดแล้วก็ปรับพฤติกรรมได้ยาก ข้างหลังสั่งสมวิชากับ สมรักษ์ ได้ราว 6 เดือน ก็ตกลงใจล่ำลาคุณครู และก็หันหลังให้ดินแดนศิวิไลซ์กลับไปอยู่จังหวัดสุรินทร์ภูมิลำเนาดังเดิม
เปิดข้อเท็จจริง สมรักษ์ ฝากฝัง กุหลาบดำให้ไปอยู่กับค่าย ส.จ.เปี๊ยกอุทัย ในราว 2557 ซึ่งตรงนี้เขามีชื่อเสียงใหม่ว่า กุหลาบดำแล้วก็ได้ อาจารย์สมพร แก้วกัณหา สมัยก่อนนักมวยเก่งจากจังหวัดนครสวรรค์ มาเป็นผู้ฝึกสอน
ซึ่งทั้งสองก็เสมือนจำต้องชะตา ก็เลยจับเป้าฝึกซ้อมร่วมกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ตอนปี 2559-2560 เป็นปีที่ กุหลาบดำบรรลุเป้าหมายอย่างยิ่ง จากสถิติที่ไม่เคยแพ้ผู้ใดกันแน่ 7 ไฟต์ต่อเนื่องกันที่เวทีเวทีช่อง 7 สี จนได้เสื้อสามารถ และก็มีชื่อเสียงถึงจุดสุดยอด เสียดายแม้กระนั้น
ต่อจากนั้น กุหลาบดำได้ครองแชมป์เวทีมวยเวทีลุมพินี และก็ แชมป์เมืองไทย จากที่เคยเป็นนักมวยแถวข้างหลังก็เลยขยับขึ้นมาอยู่แถวหน้า สร้างชื่อแล้วก็ความภาคภูมิให้กับค่าย พร้อมด้วยได้เซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาวันแชมเปียนชิพ แล้วก็เปิดฉากสนามเมื่อก.ย. 2562
ภายหลังผ่านศึกสุดยอดไปเพียงแต่ไฟต์เดียว กุหลาบดำก็ได้ร่วมทัวร์นาเมนต์วันมวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ชิงเดือดรอบแรกกับยอดมวยแถวหน้าหาตัวจับยากอย่าง “แสงมณี คลองสวนพลูรีสอร์ต”
เดี๋ยวนี้ กุหลาบดำในวัย 22 ปี มีฟาร์มไก่ ฟาร์มวัว เป็นของตนเองที่ถิ่นกำเนิดจังหวัดสุรินทร์ อยู่กันพร้อมหน้ากับเมียแล้วก็ลูก “น้องใหม่” วนิดา เข็มเพชร และก็ “น้องแชมป์” ที่กำลังอยู่ในวัยน่าเอ็นดู ดำรงชีวิตติดดินที่ภูมิลำเนาสมใจอยาก เตรียมพร้อมเป็นเสี่ยในอนาคต
เติบโตสม่ำเสมอ! “วันแชมเปียนชิพ” รั้งชั้น 3 กีฬาที่มีผู้ชมทางโทรทัศน์สูงสุด
เปิดข้อเท็จจริง กล่าวได้ว่าแม้ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นไปทั่วโลก จนถึงสร้างผลพวงเป็นวงกว้างไปทั่วทุกแวดวง แม้กระนั้นความนิยมของวันแชมเปียนชิพ กลับสวน และก็มีความเติบโตเป็นอย่างมากในสมัยสื่อดิจิทัล
เปิดข้อเท็จจริง ปัจจุบัน ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานใหญ่ของวันแชมเปียนชิพ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการบรรลุเป้าหมายในรอบปีให้หลัง เปิดเผยข้อมูลว่าวันแชมเปียนชิพ แปลงเป็นการประลองกีฬาที่มียอดผู้ชมทางโทรทัศน์เยอะที่สุดเป็นชั้น 3 ของโลก ด้อยกว่าเพียงแค่ บอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และก็ บอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แค่นั้น สาระสำคัญแปลเป็นภาษาไทย ดังต่อไปนี้
อ้างอิงจากข้อมูลของ นีลเซน บอกว่าวันแชมเปียนชิพ เป็นสื่อกีฬาใหญ่ที่มีผู้ติดตามดูผ่านทางโทรทัศน์สูงที่สุดเป็นชั้น 3 ของโลก รวมทั้งเมื่อรวมปริมาณทั้งปวงทุกแพลตฟอร์มแล้ว วันก้าวขึ้นมาติดในระดับท็อป 10 ของหน่วยงานกีฬาโลกอย่างเป็นทางการ
โดยสามารถดูข้อมูลอีกทั้งในแบบอย่างกราฟแล้วก็จำนวนสถิติต่าง ๆ ถึงที่เหมาะเว็บของนีลเซน “ผมขอขอบคุณมากจากใจจริงถึงยอดเยี่ยมคณะทำงานวันแชมเปียนชิพ สำหรับทุก ๆ อย่าง โลกยังคงพบเจอวิกฤติที่เลวทรามที่สุดในรอบร้อยปี
แต่ว่าพวกท่านแสดงให้โลกมองเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ขอบพระคุณคณะทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกนี้สำหรับหัวใจรวมทั้งความทุ่มเทของพวกท่าน ย้อนไปเมื่อปี 1903 ตอน 8 วันก่อนหน้าที่ลูกพี่ลูกน้องเชื้อสายไรต์จะขึ้นสู่ฟ้าด้วยเรือบินลำแรกซึ่งสามารถบินได้ในประวัติศาสตร์
นักข่าวของนิวยอร์ก ไทม์ส คนหนึ่งได้เขียนเนื้อหาบทความไว้ว่า มนุษย์อาจจะจำเป็นต้องใช้เวลาอีกอย่างต่ำ 1 ล้าน ถึง 10 ล้านปี กว่าจะสร้างอะไรบางอย่างที่บินได้ ไม่เคยมีผู้ใดแปลงโลกได้ถ้าหากยังอยู่ในกรอบที่จำกัด มันเป็นความคลั่งไคล้, จินตนาการ, ความฝัน แล้วก็ความกล้าหาญ ที่ได้เปลี่ยนโลกนี้โดยตลอด
ซึ่งพวกเรามีทั้งสิ้นนั้น ชีวิตนี้มีค่ารวมทั้งมีเพียงแต่ครั้งเดียว พวกเรามาดำเนินชีวิตให้ยิ่งใหญ่ร่วมกันเถิด ลงมือกระทำในสิ่งที่จุดประกายจิตวิญญาณของคุณ ฝันให้ใหญ่ ทำให้ดี ไล่ล่าความโหฬารนั้นให้ได้ ประเดี๋ยวจะมีข่าวเร่งด่วนตามมาอีก โปรดรอคอยติดตาม!”
ชาตรีกล่าวเสริม สำหรับสถิติยอดผู้ชมการประลองกีฬาทางโทรทัศน์ในปี 2020 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาวันแชมเปียนชิพ ก้าวขึ้นมารั้งอยู่ในชั้น 3 อย่างมากใหญ่ ด้อยกว่าเพียงแต่ บอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมทั้ง บอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แค่นั้น
ส่วนชั้น 4 รวมทั้ง 5 อาทิเช่น การประลองรถยนต์สูตร 1 และก็เอ็นเอชแอล ลีกฮอกกี้โด่งดังของอเมริกาเหนือ เป็นลำดับ ส่วนรายการศิลป์การต่อสู้แบบประสมประสานอย่างยูเอฟซี ติดโผเข้ามาในชั้นที่ 6
นอกจากนั้น จากรายงานของนีลเซน ยังกำหนดเพิ่มเติมเพราะว่าวันแชมเปียนชิพ มีผู้ติดตามทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้นถึง 113% ในตอนระหว่างมกราคม 2019 จนกระทั่งมีนาคม 2021 ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม รวมทั้ง ยูทูบ โน่นทำให้วันแชมเปียนชิพ เปลี่ยนเป็นหน่วยงานกีฬาศิลป์การต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแท้จริง ด้วยจำนวนอัตราการเจริญเติบโตที่สูงกว่ายูเอฟซี ถึง 62%