เสาร์. เม.ย. 20th, 2024
เส้นทางราชามวย

เส้นทางราชามวย อิสราเอล อเดซานย่า เป็นนักสู้แชมป์ UFC รุ่นมิดเดิ้ลเวตตอนนี้ เขาใช้ความสามารถมวยไทยผสมการศิลป์การต่อสู้กิ่งก้านสาขาอื่นๆเป็นฐานที่ความสำเร็จ

เส้นทางราชามวย แต่แม้ว่าจะมีศิลป์การสู้ที่ราวกับนักต่อยคนอื่นแต่ว่าด้วยวิธีการแล้ว อเดซานคุณย่า นั้นต่างกัน … เข้าต่อสู้เหมือนกับคิวบู๊หนังเรื่องหนึ่ง ที่นอกเหนือจากที่จะมีคุณภาพแล้วยังจำต้องมองสวยแล้วก็มีความเอ็นเตอร์เทนไปในตัวด้วย

รวมทั้งสไตล์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วเขาได้มาจาก “ทิ้ง ประดู่พริ้ว” พระเอกจากภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก” ที่แสดงโดย จา พนม หรือ โทนี่ จา … อะไรทำให้เด็กชาวไนจีเรียเอาศาสตร์จากการแสดงมาใส่กับการต่อสู้บนเวทีกันแน่?

MMAหมายถึงศิลป์การต่อสู้แบบผสม นี่เป็นเวทีที่เปิดกว้างเพื่อนักสู้แต่ละคนได้โชว์ศิลป์การต่อสู้ที่ตนเองถนัดเพื่อเอาชนะคู่ปรปักษ์ จะหมัด เข่า ศอก หรือแม้กระทั้งจับกดจับทุ่มก็สามารถทำเป็นทั้งหมด โน่นก็เลยทำให้กีฬาต่อสู้จำพวกนี้เป็นกีฬาที่อันตรายที่สุดประเภทหนึ่ง

ด้วยความรุนแรงรวมทั้งหนักหน่วงสำหรับเพื่อการออกอาวุธแต่ละครั้ง อาจทำให้นักกีฬาบางบุคคลเจ็บพักเป็นปีๆหรือบางรายเลิกเล่นไปเลยก็มี

เส้นทางราชามวย

ตัวของ สิลวา นั้นเป็นนักสู้ที่ใช้ศิลป์มวยไทยเพิ่มเติมกับบราซิลยิวยิตสู ถ้าเกิดให้ยืนต่อยก็ไวแคล่วคล่องว่องไว ถ้าหากให้นอนต่อยก็ทำเป็นไม่มีปัญหา นอกจากนั้นยังมีส่วนประกอบสำหรับการเป็นเลิศนักสู้แบบครบเซ็ตอีกทั้งแม่น ร้ายแรง ฉลาดหลักแหลม รวมทั้ง เร็ว กระทั่งทำให้ในวันที่ สิลวา พีกที่สุดก็ยากที่คนไหนจะเอาเขาลงได้ มวยไทย

สิลวา ไล่ปราบศาสตร์การต่อสู้อื่นๆมามากไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะ แซมโบ้ มวยปล้ำ คาราเต้ ก็เสร็จมาแล้วทั้งหมด … จวบจนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบนักสู้สายยืนเช่นเดียวกันและก็มีต้นทางจากศาสตร์ของมวยไทยแบบเดียวกัน โน่นเป็น “อิสราเอล อเดซานคุณย่า” นักสู้เชื้อสายไนจีเรีย-นิวซีแลนด์

แม้ว่าจะกล้าหาญแค่ไหนแม้กระนั้นในไฟต์ดังที่กล่าวมาข้างต้นเมื่อกุมภาพันธ์ 2019 สิลวา ก็อายุ 44 ปีแล้ว เขาจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าสังขารนั้นมีผลกับการต่อสู้โดยตรง ระหว่างที่ อเดซานย่า อายุ 29 ปีและก็เป็นนักสู้คนใหม่ที่เข้ามาพบของแท้ในเวทีเบอร์ 1 อย่าง UFC เพียงแต่ 1 ปีเพียงแค่นั้น

อเดซานย่า เป็นมวยที่ประสมประสานวิธีต่างๆเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ และก็แน่ๆว่า มวยไทย เป็นหนึ่งในอาวุธหลักของเขาด้วย การสู้ในไฟต์นั้น อเดซานย่า สามารถชนะได้โดยเอกฉันท์ เขาเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งหัวข้อนี้ สิลวา เองก็เห็นด้วยแต่ว่าโดยดี

ภายหลังที่บาปยกมือของ อเดซานย่า เป็นผู้ชนะ นักสู้ทั้งคู่คนคุกหัวเข่าลงกับพื้นรวมทั้งแสดงเครื่องหมายถึงการคารวะในความสามารถของกันและกัน ข้างของ สิลวา แยกย้ายไปให้สัมภาษณ์รวมทั้งเอ่ยถึงความยอดเยี่ยมของ อเดซานย่า เขาเน้นว่านี่เป็นนักสู้ที่จะครอบครองความโหฬารในแวดวง MMA คนถัดไป ชั่งน้ำหนักผ่านฉลุย

เส้นทางราชามวย

ภาษากายของนักสู้ถูกถ่ายทอดออกมาราวกับลูกศิษย์กับคุณครู แต่สำหรับ อิสราเอล อเดซานย่า คุณครูของเขาไม่ใช่ แอนเดอร์สัน สิลวา … เขากล่าวว่า โทนี่ จา หรือ จา พนม ดาราหนังหนังแอ็คชั่นจากเมืองไทยต่างหากที่เขาเชื่อถือให้เป็นคุณครูอย่างแท้จริง ถึงแม้ตามความเป็นจริงแล้ว จา พนม จะไม่เคยขึ้นสังเวียนหรือลงแข่งขันกีฬาต่อสู้อาชีพเลยแม้กระทั้งครั้งเดียวก็ตาม

อเดซานย่า เป็นชาว ไนจีเรีย แต่กำเนิด มีญาติพี่น้อง 5 คน แต่ครอบครัวของเขามิได้ยากแค้นอย่างกับนักสู้หรือนักกีฬาแอฟริกันผู้อื่นครอบครัวอเดซานย่ามีฐานะดี บิดาของเขาเป็นนักธุรกิจ แม่ของเขาเป็นพยาบาล ชีวิตของเขาไม่ได้ลำบากอะไรเลย อยากได้อะไรก็ได้ ต้องการรับประทานอะไรก็รับประทาน โน่นเป็นชีวิตที่แอฟริกันชนทุกคนใฝ่ฝัน

แม้กระนั้นมันน่าตลกดีที่มนุษย์เรานั้นไม่เคยพอเพียงต่อสิ่งที่มีความต้องการ คนยากจนก็ต้องการรวย ส่วนคนมั่งคั่งอย่าง อิสราเอล กลับต้องการที่จะเป็นนักมวย ซึ่งเป็นกีฬาที่โดยมากแล้วเป็นโอกาสของผู้ที่ไม่ค่อยมีฐานะและก็อยากสร้างชื่อจากการใช้ร่างกายและก็ความเจ็บเข้าแลกเปลี่ยน

“ผมน่ะเคยฝึกหัด เทควันโด้ ตอนเด็กๆเช่นกัน แต่ว่าในที่สุดแม่ผมก็ให้ผมเลิกเรียน ผมเล่นอึดอัดและไม่เชื่อมั่นในตัวเองเท่าใด” อเดซานคุณย่า กล่าว

“เป็นเอาจริงเอาจังๆในฐานะเด็กที่ไม่เคยได้รับการชมเชยเลย และก็ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ต้องการจะทำก็จะต้องขอบิดามารดาก่อน มันอาจะเป็นด้วยเหตุว่าบ้านพวกเราไม่ต้องดิ้นรนอะไรด้วยล่ะมันถึงเป็นอย่างงั้น ผมมีความรู้สึกว่าโน่นเป็นสิ่งที่คุณพ่อกับคุณแม่ของผมรู้สึก”

อเดซานย่า เป็นเสมือนลูกที่ไม่เหมือนกับลูกผู้อื่นเนื่องจากว่าญาติพี่น้องของเขาล้วนแล้วแต่มีอาชีพรวมทั้งงานการที่ดีจากการตั้งมั่นเรียนหนังสือทั้งปวง แต่ว่าเขาไม่เลย … เขาแอบสู้ แล้วก็หวังว่าวันใดวันหนึ่งจังหวะโบยบินของตนจะมาถึง

จนกว่าปี 2001 ครอบครัวของเขาตกลงใจย้ายไปดำเนินการแล้วก็ตั้งภูมิลำเนาในต่างถิ่น เนื่องจากส่วนใดส่วนหนึ่งบิดาของเขาเชื่อถือในระดับการศึกษาว่าบ้านข้างหลังใหม่จะดีมากยิ่งกว่าที่ ไนจีเรีย แน่ๆ … แต่ก่อน สหรัฐอเมริกา เป็นเป้าหมาย แม้กระนั้นเหตุก่อการร้าย 9/11 ทำให้ความนึกคิดของพ่อแปรไป

“เรื่องราววันที่ 11 ก.ย. 2001 เป็นเรื่องสำคัญของอเมริกา บิดาผมมั่นใจว่าอเมริกากำลังจะอยู่ในภาวะการเกิดสงครามต่อจากนั้น รวมทั้งเขาคิดถูก”

ที่สุดแล้ว จุดหมายปลายทางของครอบครัวอเดซานคุณย่าแปรไป พวกเขาลงคะแนนเสียงหลักแหล่งในประเทศนิวซีแลนด์ … ถึงแม้จุดมุ่งหมายเปลี่ยนแปลงแต่ว่าเรื่องราวนั้นเป็นไปเหมือนอย่างที่คิด อเดซานคุณย่า ถูกส่งไปเรียนหนังสือรวมทั้งเป็นราวกับการบังคับให้ลืมความฝันการเป็นนักสู้แบบเปลี่ยนๆจนกว่าวันหนึ่งในปี 2008 มีภาพยนตร์จากเมืองไทยเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “องค์บาก” สร้างชื่อไปทั่วทั้งโลก แล้วก็ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลง

อเดซานย่า ได้นั่งมองทุกวินาทีของหนังองค์บากภาคแรก เขามองเห็นทุกท่าทางการต่อสู้ของ “ทิ้ง” พระเอกของเรื่องที่ใช้ศิลป์มวยไทยหมัด หัวเข่า ศอก รวมทั้งการหักกระดูก และก็ผู้กระทำระกระโดดเข้าชนทุกคนในเรื่องอย่างไม่กลัวตาย แค่นั้นตาเด็กน้อยก็แวววาว

“ผมนี่เแบบ … โว้ยย ไอ้หมอนี่มันยอดเยี่ยมจริง โทนี่ จา ทำเป็นทุกสิ่งและก็ทำมันอย่างคุ้มคลั่ง ผมลุกตบมือครั้งแล้วครั้งเล่ารวมทั้งกล่าวว่า นี่แหละ เราจะเป็นสู้อย่างนี้ให้ได้เลย” อเดซานย่า ย้อนเล่าความ

ส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทำให้ อเดซานย่า อินมากมายๆก็คือในเวลานั้นที่ นิวซีแลนด์ เขามีความรู้สึกว่าการที่ตนเองเป็นคนแอฟริกันมันทำให้เขาถูกคิดว่าเป็น “สิ่งแปลกปลอม” เขาก็เลยฝังใจแล้วก็อยากได้ทำอะไรให้สมกับที่ผู้อื่นมองดู โน่นเป็นขอทำอะไรที่ไม่เหมือนกันกับเด็กผู้อื่นไปซะเลย

เขาเหมือนกับ ทิ้ง ประดู่พริ้ว ผู้แสดงนำชายของเรื่องที่มาจากชนบท จะใช้คำว่า “บ้านนอก” เพื่อทำให้มองเห็นภาพก็อาจจะไม่ผิดนัก ซึ่งจำเป็นจะต้องเข้าไปในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ทุกคนดูเขาเป็นของแปลก เยาะเย้ย รวมทั้งพร้อมจะทำร้าย แต่ในที่สุดอะไรล่ะที่ทำให้ ทิ้ง ประดู่พริ้ว ไม่เคยเสียท่า … แน่ๆมันเป็นศิลปะการต่อสู้ ซึ่งตัวของ อเดซานคุณย่า เองก็เช่นเดียวกัน

“ผมจำเป็นต้องเรียนรู้การต่อสู้เพราะ เด็กตรงนั้นไม่ค่อยถูกใจหน้าผมนัก” อเดซานคุณย่า เล่าย้อนความ “ผมอยู่ไนจีเรีย จิตใจผมสงบ สุขมีความมั่นใจมากมาย ทุกคนต่างมีสุนทรีย์ในชีวิต”

“ถึงแม้ตัวของผมนั้นไม่ต้องการจะสู้กับคนไหนกัน แม้กระนั้นเมื่อมีคนพากเพียรที่จะโจมตีผม ผมควรต้องทำให้เหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกัน … อย่าให้เราเป็นนักสู้นะโว้ย สักครู่พวกมึงโดนแน่” เขาเล่าถึงวัยเด็กอย่างมีรส

ตอนที่ ทิ้ง ประดู่พริ้ว ใช้การต่อสู้แบบหลีกเลี่ยงมิได้ ถึงแม้ไม่ต้องการที่จะอยากจะปะทะก็จำต้องทำ ด้วยเหตุว่าการไล่ตาม “องค์บาก” หรือเศียรพุทธรูปพระจำหมู่บ้าน อิสราเอล อเดซานย่า ก็คล้ายกัน เขาไม่ต้องการที่จะอยากจะรังควานคนไหน หรือเป็นผู้ทรยศสังคมล้นหลามนัก เพียงแต่ว่าเหตุการณ์แล้วก็เรื่องความต่างของสีผิวที่พบ มันบังคับให้เขาต้องสู้

“ที่นิวซีแลนด์ ผมเป็นพวกต้านทานนะ ถ้าเกิดเด็กผู้อื่นทำอะไรผมจะสั่นศีรษะและก็กล่าวว่า “ไม่เอา” ผมจึงควรแตกต่าง ผู้ใดกันจะดูอย่างไรผมไม่สนใจหรอก โน่นทำให้ผมได้เริ่มติดตามการต่อสู้มากยิ่งกว่าเรื่องเรียน รวมทั้งมันทำให้ผมเจอผู้ฝึกสอนคนแรก”

ยูจีน แบร์แมน เป็นผู้ฝึกสอนต่อสู้คนแรกของ อเดซานย่า รวมทั้งมันช่างบังเอิญที่ ยูจีน เป็นนักสู้ในศาสตร์ของ “คิกบ็อกซิ่ง” ที่มีความคล้ายคลึงกับมวยไทยมากมาย มันถูกอกถูกใจ อเดซานคุณย่า เนื่องจากนานาประการอิริยาบถท่าทางทั้งยังการเตะสูงเตะต่ำหรือกระโจนเตะมันเป็นอะไรที่เช่นเดียวกับที่ โทนี่ จา ไอดอลของเขาทำในหนังเรื่ององค์บากไม่มีไม่ถูก

มวยไทยเป็นจุดเริ่มแรกของ อเดซานคุณย่า เขาปรับปรุงมากยิ่งกว่าเดิมด้วยการเข้าโรงยิมของ เดเร็ก โบรห์ตัน เพื่อหวังว่าจะใช้ความถนัดมวยไทยพาตนเองเข้าไปสู่การต่อสู้แบบมวยกรงให้ได้ แม้ว่าจะโดนห้ามจากโค้ชแต่ว่าเขาก็ไม่สนใจ … เช่นเดียวกับผู้แสดงนำชายเรื่ององค์บากไม่มีไม่ถูก ที่ใช้ความถนัดการต่อสู้แบบมวยไทยปราบศัตรูทั้งหลายแหล่ตลอดทั้งเรื่อง

อิทธิพลของ โทนี่ จา ที่มีต่อ อเดซานย่า เป็นการสู้ที่พลิ้วไหวราวกับการเต้น ลักษณะเด่นของความพลิ้วไหวเป็นการกะจังหวะให้พอดีเพอร์เฟ็กต์รวมทั้งลงเอยด้วยการซัดให้ตรงเป้า นอกเหนือจากนี้ยังคงใช้การหลบหลีกมากยิ่งกว่าการเข้าปะทะโดยตรงด้วย

“ไม่ยาโมโต้ มุซาชิ (ซามูไรในตำนานของประเทศญี่ปุ่น) เคยบอกไว้ว่า อย่าเปิดทางให้กับนักกระบี่คนใดกันๆต้องใช้ความนิ่งเข้าสู้และก็อย่า ‘เต้น’ ด้วยเหตุว่ามันจะก่อให้คุณไม่สงบรวมทั้งพลั้งพลาดในสุดท้าย … แต่ว่าผมทำเป็น ผมว่าผมสามารถเต้นระหว่างสู้ได้ด้วยพลังที่ฟุตเวิร์ก” อเดซานคุณย่า กล่าว

สไตล์ของเขาไม่ได้ราวนักสู้โดยธรรมชาติ คนอื่นบางทีอาจจะหมกมุ่นเรื่องวิธีและก็พลังการทำลายของการจู่โจมเป็นหลัก แต่ว่าสำหรับ อเดซานคุณย่า เขาเชื่อถือในท่วงทีสำหรับการต่อย ดังการออกแบบท่าต่อสู้ในหนังสักเรื่องหนึ่ง ที่นอกจากจะใช้งานได้จริงแล้วจำต้องงามแล้วก็สง่างามด้วย

“ผมเป็นราวกับนกยูงรำแพน ผมมีความมั่นใจมากมายในสไตล์ ผมไม่กลัวที่จะชี้ให้เห็นว่าผมเป็นผู้ใดกัน เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วผมมีความรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุด” อเดซานย่า เชื่อในกฎของหนังแอ็คชั่น และก็โน่นทำให้เขาเรียนจากอีกทั้ง บรูซ ลี, เฉิน หลง และก็ โทนี่ จา เพื่อเอาวิชาของแต่ละคนมารวมกันแล้วก็ใช้ในการต่อสู้จริงให้ได้

By admins