ยอดนักชกไทย ตั้งแต่โผน กิ่งเพชร ชิงชนะเลิศโลกมวยสากลได้เป็นคนแรก ที่เวทีมวยลุมพินี โดยชนะ ปาสคาล เปเรส นักมวยชาวเวเนซูเอล่า แชมป์โลกรุ่นฟรายเวท
ยอดนักชกไทย ตั้งแต่โผน กิ่งเพชร ชิงชนะเลิศโลกมวยสากลได้เป็นคนแรก ซึ่งๆหน้าใบหน้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรวมทั้งสมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ ที่เวทีมวยลุมพินี โดยชนะ ปาสคาล เปเรส นักมวยชาวเวเนซูเอล่า แชมป์โลกรุ่นฟรายเวท ช่วงวันที่ ๑๖ เดือนเมษายน ๒๕๐๓ ต่อจากนั้นก็มีนักมวยไทยเป็นแชมป์โลกถัดมาอีกคนไม่ใช่น้อย
ผู้ที่สร้างชื่อกระทั่งได้รับการจารึกชื่อเอาไว้ภายในหอเกียรติยศของที่ประชุมมวยโลก ก็คือแชมป์โลกผู้ที่ ๙ ของไทย เขาทราย แกแล็คซี่ ได้รับตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวทเมื่อวันที่ ๑๑ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๒๗ – ๒๑ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๔ คุ้มครองตำแหน่งได้ ๑๙ ครั้งติดต่อกัน ชนะน็อค ๑๖ ครั้ง ชนะคะแนน ๓ ครั้ง จนถึงประกาศแขวนนวมในฐานะแชมป์โลกผู้ไม่เคยแพ้ผู้ใด
ส่วนแชมป์โลกคนที่ ๕ ของไทย แสนอำนาจ เมืองจังหวัดสุรินทร์ แชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทของที่ประชุมมวยโลก ซึ่งเป็นแชมป์โลกรุ่นใหญ่ที่สุดที่ไทยเคยมี ก็ได้สร้างสถิติอัศจรรย์ที่ยังไม่เคยมีนักมวยใครกันแน่ในโลกทำเป็นมาก่อน
เป็นขึ้นสังเวียนมวยสากลเพียงแค่ ๓ ครั้งก็ได้ดำรงตำแหน่งแชมป์โลก แล้วก็ไม่ใช่เกิดเรื่องฟลุ๊ค แม้กระนั้นเป็นการคิดแผนของโปรโมเตอร์ผู้มีฉายาว่า “พญาอินทรีย์” วางแผนให้เขาปีนบันไดเพียงแค่ ๓ ขั้นสู่ตำแหน่งแชมป์โลก
แสนศักดิ์ไม่ใช่ชาวจังหวัดสุรินทร์ แต่ว่าเป็นชาวตำบลสะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เคยชกมวยไทยมาก่อนในชื่อ แสนแสบ เพชรเจริญ หรือ แสบทรวง เพชรเจริญ เมื่อเข้ามาต่อยในกรุงเทพฯ ได้เข้าขึ้นตรงต่อค่าย เมืองสุรินทร์ ของตอบสนอง รักวานิช
รวมทั้งเป็นนักมวยดังคนหนึ่งในยุคนั้น เคยเป็นนแชมป์มวยไทยรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทของสนามมวยลุมพินี และก็ถูกเลือกสรรให้ไปชกมวยสากลสมัครเล่นในกีฬาไทยครั้งที่ ๗ในประเทศสิงค์โปร์ น็อคคู่ต่อสู้รวดจนได้ครอบครองเหรียญทอง มวยไทย
สร้างชื่อกระทั่งได้รับการจารึกชื่อเอาไว้ภายในหอเกียรติยศของที่ประชุมมวยโลก
ยอดนักชกไทย เมื่อ เทียมบุญ อินทรบุตร โปรโมเตอร์คนมีชื่อเสียงผู้ครอบครองสมญานามพญาอินทรีย์ ได้ผลการต่อยของแสนศักดิ์ในกีฬาแหลมทองที่ประเทศสิงคโปร์ ก็เลยสนทนากับ ตอบสนอง รักวานิช ให้แสนศักดิ์หันมาชกมวยสากลตามคุณลักษณะเด่นที่แสนศักดิ์มี เป็นเป็นนักมวยที่มีตอนแขนยาวกว่าธรรมดา หมัดซ้ายหนักเป็นพิเศษ โดยบอกกับแสนศักดิ์ว่า
“ไอ้แสบเอ็งรู้สึกตัวมั๊ยว่า หมัดซ้ายเอ็งน่ะหนักขนาดชกวัวล้มเลยเชียวนะ” ซึ่งทำให้แสนอำนาจเชื่อมั่นในพลังหมัดของตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ เทียมบุญคิดแผนบันได ๓ ขั้นให้แสนศักดิ์สู่บัลลังก์มวยโลก
โดยจัดให้ขึ้นสังเวียนกับ รูดี้ บาร์โร นักต่อยประเทศฟิลิปปินส์ เป็นบันไดอันดับแรกในวันที่ ๑๗ พ.ย. ๒๕๑๗ ซึ่งแสนศักดิ์ก็ทำเป็นตามแผน ชนะน็อคเพียงแค่ยกแรก ถัดมาขั้นที่ ๒ ก็ชนะน็อค เท็ตสึโอะ ไลออน ฟูรูยามา นักต่อยประเทศญี่ปุ่นรองแชมป์โลกในยกที่ ๗ บันไดขั้นที่ ๓
ก็เลยท้าทายชิงชนะเลิศโลกรุ่นซูเปอร์ไลท์เวทกับ ริโก เฟอร์นันเดช ปรากฏว่าแชมป์โลกชาวประเทศสเปนยอมยกธงขาวในยกที่ ๘ แสนศักดิ์ได้ครอบครองตำแหน่งแชมป์โลกตามแผนของพญาอินทรีย์
แสนศักดาป้องกันแชมป์ไว้ได้เพียงแต่ยุคเดียว โดยชนะน็อค เท็ตสึโอะ ไลออน ฟูรูยามะ ที่ยังไม่หายสงสัย แต่ว่าเมื่อไปคุ้มครองตำแหน่งกับ มิเกล เบลัซเกซ นักมวยประเทศสเปน ที่กรุงมาดริก แสนศักดิ์ก็โดนจับให้แพ้
ด้วยเหตุว่าไปชกเบลัซเกซล้มลงในตอนระฆังตีหมดยกแล้วในชูที่ ๔ แต่ว่าอีก ๔ เดือนถัดมาแสนศักดิ์ก็กลับไปแก้ตัวที่ประเทศสเปนอีก แล้วก็ชนะทีเคโอในเพียงแค่ชูที่ ๒ ได้ครอบครองตำแหน่งแชมป์โลกยุคที่ ๒ รวมทั้งคุ้มครองป้องกันตำแหน่งได้อีกบ่อย
แต่ว่าการปกป้องคุ้มครองตำแหน่งกับ ซาอูล แมมบี นักชกคนอเมริกันที่จังหวัดนครราชสีมา หากแม้แสนศักดิ์จะเป็นฝ่ายชนะคะแนน แม้กระนั้นแสนศักดิ์ก็ระบมมากมาย โดยยิ่งไปกว่านั้นดวงตา
หลังจากนั้นเป็นต้นมาสภาพร่างกายของเขาก็ไม่เข้มแข็งเหมือนเก่า เสียตำแหน่งให้ คิม ซาง ฮุน นักชกชาวประเทศเกาหลีใต้ไปที่ประเทศเกาหลี รวมทั้งเมื่อต่อยนอกรอบก็แพ้มาตลอดอีก จนถึงจำต้องวางมือ
เมื่อครั้งยังยืนอยู่บนผืนผ้าใบ แสนศักดิ์เป็นขวัญใจคนไทย มีผู้ติดตามมองการชกของเขาทุกคราวอย่างมาก เพลง “ศึกไอ้แสบ” ที่ เพลิดเพลิน พระพรหมแดน นักร้องลูกทุ่งร้องให้เขาก็ดังสนั่นหวั่นไหว ประกอบกับแสนศักดิ์เป็นคนสนุกสนานรื่นเริงครึกครื้น ก็เลยมีข่าวสารที่เป็นสีสันอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นประจำ ผู้สื่อข่าวติดตามเขาเสมือนเป็นศิลปินดังคนหนึ่ง
แม้กระนั้นข่าวสารที่ออกมาภายหลังที่เขาแขวนนวมแล้ว ก็มีแต่ว่าข่าวสารรันทด สมัครผู้แทนในจังหวัดกำเนิดก็ไม่ได้รับเลือก เงินที่เหลือมาจากการชก ๑๐ ล้านก็ไม่เหลือ ๒ โปรโมเตอร์ที่ปลุกปั้นมา ทั้งยังเทียมบุญ อินทรบุตรแล้วก็ตอบสนอง รักวานิช
ก็ตายไปก่อน เมียที่เป็นนางเอกหนังมีลูกชายร่วมกัน ๑ คนก็แยกทางไป สุดท้ายตาข้างขวาของเขาที่มีปัญหาก็บอดสนิท ส่วนข้างซ้ายผ่าตัดช่วยทำให้เห็นได้ มีภรรยาคนใหม่และก็ธิดาบุญธรรมดูแลในยามยาก
จำต้องขอความช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท แล้วก็จากที่ประชุมมวยโลกอีกเดือนละ ๙,๐๐๐ บาท จากที่เคยเป็นข่าวสร้างความชื่นชมยินดีให้แก่คนไทยที่เขาผลาญคู่ปรปักษ์บนผืนผ้าใน ในปี ๒๕๕๑ ก่อนที่จะแสนศักดิ์จะเสียชีวิตปีเดียว
เขากลายเป็นข่าวสารอีกรอบเมื่อบ้านที่อยู่บริเวณดินแดงถูกพายุฝนกระหน่ำหลังคาเสียหาย จะต้องใช้เงินซ่อมแซมหลายหมื่น ก็เลยประกาศวิงวอนจากบุคคลในแวดวงมวย ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองตอบด้วยดี
แสนศักดิ์เสียชีวิตตอนวันที่ ๑๖ เดือนเมษายน ๒๕๕๒ ที่โรงพยาบาลราชวิถี ในวัย ๕๗ ปี เพราะเหตุว่าไส้ฉีกขาดด้วยหลายโรครุมเร้า เข้ารักษาตัวในวันที่ ๑๒ เดือนเมษายนนั้น แม้ว่าจะได้รับการผ่าตัดแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้น มีพิธีการพระราชทานเพลิงศพที่วัดตรีทศเทพ ในวันที่ ๒๐ เดือนเมษายน ปีเดียวกัน โดยมี พล.อ.พิจิตร กุลละวาณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ ๙ เป็นประธาน
ถัดมาตอนวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ นายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานทำบุญสุนทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลรวมทั้งเปิดที่ระลึกนึกถึงแสนศักดิ์ เมืองจังหวัดสุรินทร์ ที่ถนนหนทางเลาะร่องน้ำชลประทาน ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ มีญาติของแสนอำนาจรวมทั้งชาวสะเดียงมาร่วม
พร้อมทั้งนายสมคิด คำมาตร ผู้ครอบครองค่ายฝึกซ้อมมวยที่แสนศักดิ์เคยขึ้นตรงต่อเมื่อแรกเข้ามาเป็นนักต่อย แล้วก็นายลั่น พรหมประเสริฐ รองประธานที่ประชุมเทศบาลฯ ซึ่งเคยเป็นคนล่อเป้าให้แสนศักดิ์ ก็มาร่วมพิธีการด้วย คุณประโยชน์